วันเสาร์ที่ 27 กันยายน พ.ศ. 2551

เอไอเอส ทำซอฟต์แวร์กันไวรัส


นายปรัธนา ลีลพนัง, ผู้อำนวยการ สำนักการตลาดบริการเสริม บริษัท แอดวานซ์ อินโฟร์ เซอร์วิส จำกัด (มหาชน) หรือ เอไอเอส กล่าวว่า ปัจจุบันความนิยมในการใช้งาน Memory Card ในการเก็บข้อมูลในโทรศัพท์เคลื่อนที่รุ่นต่างๆเป็นไปอย่างแพร่หลาย ทั้งนี้ในช่วงที่ผ่านมาพบว่า มีการแพร่กระจายของไวรัส ชื่อ “Guardian” ผ่านทาง Memory card (ไม่ได้ผ่านเครือข่าย) โดยเกิดจากการโอนถ่ายข้อมูลจากเครื่องหนึ่งไปยังเครื่องหนึ่ง, การติดตั้งโปรแกรมต่างๆ จากแผ่นเถื่อน หรือการซื้อโทรศัพท์เคลื่อนที่มือสอง โดยปัญหาดังกล่าวได้เกิดขึ้นในต่างประเทศและเริ่มแพร่กระจายเข้ามาในเมืองไทยแล้ว ส่งผลทำให้โทรศัพท์เคลื่อนที่ประเภท Symbian จำนวน 20 รุ่น ที่อาจจะมีโอกาสติดไวรัสและเมื่อติดแล้วจะมีอาการส่ง SMS อัตโนมัติอย่างต่อเนื่อง และอาจก่อให้เกิดค่าใช้จ่ายที่ตามมามากขึ้น การโทรออกหรือการใช้งาน Data ค่อนข้างยาก รวมทั้งทำให้แบตเตอรี่หมดเร็วอีกด้วย
“ด้วยความห่วงใยลูกค้า ทีมวิศวกรของเอไอเอสจึงพัฒนาซอฟต์แวร์กำจัดและป้องกันไวรัสดังกล่าวขึ้นชื่อว่า “Stop Guardian” ให้ลูกค้าเอไอเอส สามารถดาวน์โหลดเพื่อติดตั้งใน Memory card และ ตัวเครื่องได้ฟรี เพียงกด *210# โดยเมื่อทำการติดตั้งแล้วจะไม่พบปัญหาดังกล่าวอีก รวมทั้งข้อมูลต่างๆ ในตัวเครื่องและ Memory Card ก็จะไม่สูญหายด้วยเช่นกัน เนื่องจากมิได้เป็นการ Format Memory Card หรือตัวเครื่อง” ผอ.สำนักการตลาดบริการเสริม เอไอเอส กล่าว

วันอาทิตย์ที่ 21 กันยายน พ.ศ. 2551

เผยโฉม Google Chrome มิติใหม่เบราว์เซอร์



นายซันดาร์ พิชัย รองประธานฝ่ายจัดการผลิตภัณฑ์ บริษัท กูเกิล อิงก์ กล่าวว่า บริษัทฯ ประกาศเปิดตัว Google Chrome เบราว์เซอร์แบบโอเพนซอร์สใหม่ล่าสุด ด้วยจุดมุ่งหมายที่ต้องการสร้างสรรค์ประสบการณ์บนเว็บที่เหนือชั้นสำหรับผู้ใช้ทั่วโลก โดยเปิดตัวรุ่นทดสอบพร้อมกันถึง 43 ภาษา การเปิดตัว Google Chrome (กูเกิล โครม) ครั้งนี้ ถือเป็นอีกหนึ่งความริเริ่มใหม่ในด้านเบราว์เซอร์ที่อยู่บนฐานความเรียบง่ายแต่เปี่ยมด้วยพลัง เหมือนผลิตภัณฑ์อื่นๆ ของกูเกิล โดยในยุคแรกของอินเทอร์เน็ต หน้าเว็บส่วนใหญ่มักมีแต่ตัวหนังสือ แต่ปัจจุบันหน้าเว็บได้ถูกปรับปรุงให้กลายเป็นแพลตฟอร์มอันทรงพลังในการเชื่อมโยงผู้คนเข้าด้วยกันผ่านทางอีเมลและเว็บแอพลิเคชันอื่นๆ พร้อมให้บริการตั้งแต่การแก้ไขเอกสาร เรียกดูวิดีโอ ฟังเพลง บริหารการเงิน และอื่นๆ อีกมากมาย และด้วยเหตุนี้ Google Chrome จึงถูกพัฒนาขึ้นเพื่อรองรับเว็บรูปแบบต่างๆ รวมถึงรองรับการใช้งานแอพลิเคชันแห่งอนาคต
รองปธ.ฝ่ายจัดการผลิตภัณฑ์ บ. กูเกิล อิงก์ กล่าวต่อว่า ขณะนี้ตนมองว่าเบราว์เซอร์นั้นเปรียบเหมือนหน้าต่างที่เปิดสู่โลกแห่งเว็บ และเป็นเครื่องมือสำหรับผู้ใช้ในการโต้ตอบกับเว็บไซต์และแอพลิเคชันต่างๆ ที่ต้องการใช้ แต่สิ่งสำคัญก็คือ ไม่เคยได้สัมผัสกับประสบการณ์ดังกล่าว ขณะเดียวกัน Google Chrome มีอินเทอร์เฟสการใช้งานที่เรียบง่าย เช่นเดียวกับที่พบในหน้าโฮมเพจของกูเกิล แต่ก็แฝงด้วยกลไกการทำงานหลักที่ซับซ้อนและสามารถรองรับการใช้งานร่วมกับเว็บยุคใหม่ได้ นอกจากนี้ยังสร้างประสบการณ์ใหม่บนเว็บสำหรับผู้ใช้ เนื่องจากถูกออกแบบมาให้ใช้งานได้ง่ายทั้งในด้านการค้นหาและท่องไปยังหน้าเว็บต่างๆ เพื่อค้นหาข้อมูลตามที่ผู้ใช้ต้องการ
นายซันดาร์ กล่าวอีกว่า การรวมช่องสำหรับการค้นหาและพิมพ์ที่อยู่หน้าเว็บไว้ในช่องเดียวกัน สามารถนำพาผู้ใช้ไปยังจุดหมายที่ต้องการได้ง่าย เพียงกดแป้นพิมพ์ไม่กี่ครั้ง และเมื่อผู้ใช้เปิดแท็บ (Tab) ของหน้าเว็บใหม่ใน Google Chrome ก็จะเห็นหน้าแสดงภาพขนาดย่อของเว็บไซต์ที่เยี่ยมชมบ่อยๆ และรายการค้นหาข้อมูลล่าสุด พร้อมด้วยบุ๊คมาร์คของเว็บไซต์ที่ชื่นชอบ (bookmark) ทำให้สามารถท่องเว็บได้ง่ายยิ่งขึ้นกว่าที่เคย อย่างไรก็ตาม Google Chrome ถูกพัฒนาขึ้นเพื่อสร้างประสบการณ์บนเว็บที่ราบรื่นให้แก่ผู้ใช้ เนื่องจากกลไกการทำงานหลักนั้นเป็นแพลตฟอร์มที่อาศัยการประมวลผลแบบหลายทาง (multi-process) จึงช่วยให้ผู้ใช้ได้รับทั้งความเสถียรและความปลอดภัยที่เหนือชั้น แต่ละแท็บเว็บบนเบราว์เซอร์จะแยกกันทำงานโดยอิสระ หากแท็บหนึ่งแท็บเกิดปัญหาขึ้น ก็จะไม่กระทบต่อการทำงานของแท็บอื่น ผู้ใช้สามารถทำงานต่อได้โดยไม่จำเป็นต้องปิดและเปิด Google Chrome ใหม่ นอกจากนี้ ยังได้สร้างกลไกจาวาสคริปต์รุ่นใหม่ คือ V8 ที่จะช่วยเร่งความเร็วในการทำงานของเว็บแอพลิเคชัน และช่วยยกระดับเว็บแอพลิเคชันให้มีความสมบูรณ์มากยิ่งขึ้นกว่าการทำงานบนเบราว์เซอร์ทั่วไปในปัจจุบัน
"ในขณะที่เรามองว่าหลักการดังกล่าว เป็นเสมือนจุดเปลี่ยนรากฐานความคิดของผู้คนที่มีต่อเบราว์เซอร์ เราก็ตระหนักดีว่าเราไม่สามารถสร้าง Google Chrome ขึ้นมาได้เพียงลำพัง Google Chrome ถูกพัฒนาต่อยอดจากโครงการโอเพนซอร์สอื่นๆ ที่มีส่วนร่วมอันยิ่งใหญ่ในการสร้างสรรค์เทคโนโลยีใหม่ๆ ให้แก่เบราว์เซอร์ และช่วยกระตุ้นให้เกิดทั้งการแข่งขันและนวัตกรรมในขณะเดียวกัน" รองปธ.ฝ่ายจัดการผลิตภัณฑ์ บ. กูเกิล อิงก์ กล่าว
นายซันดาร์ กล่าวด้วยว่า ส่วนการต่อยอดการเปิดโลกทัศน์ของเว็บให้กว้างขึ้น Google Chrome จึงเปิดโครงการโอเพนซอร์ส ด้วยจุดมุ่งหมายเพื่อช่วยพัฒนาอนาคตของเบราว์เซอร์ที่ดียิ่งขึ้น ด้วยการเผยแพร่เทคโนโลยีเบื้องหลัง Google Chrome สู่ตลาด ตลอดจนควบคู่ไปกับการนำเสนอคุณสมบัติเสริมอื่นๆ อย่างต่อเนื่อง สำหรับ Google Chrome สามารถดาวน์โหลดได้ที่ http://www.google.com/chrome ทั้งนี้ผู้ที่ใช้ระบบปฏิบัติการแมคโอเอสและลินุกซ์ สามารถใช้งานได้ในเร็วๆ นี้ ส่วนข้อมูล เกี่ยวกับโครงการโอเพนซอร์ส Chromium สามารถได้ที่ http://www.chromium.org/

ข่าวจาก : ไทยรัฐ วันที่ : 8 กันยายน 2551 เวลา 07:30 น

กูเกิลจับมือ GE พัฒนาพลังงานสีเขียวให้มะกัน



เทคโนโลยีพลังงานสีเขียวเพื่อสิ่งแวดล้อม เตรียมล็อบบี้นักการเมืองสหรัฐฯให้สนับสนุนนโยบายการสร้างพลังงานสะอาดขึ้นมาใช้ในประเทศอย่างจริงจัง ทั้งกูเกิลและจีอีแถลงร่วมกันว่า สองบริษัทเชื่อมั่นว่า สถานการณ์เศรษฐกิจ สภาพแวดล้อม และความปลอดภัยของสหรัฐฯในปัจจุบันนั้นส่งผลให้ชาวอเมริกันต้องใช้พลังงานไฟฟ้าให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น ต้องสร้างพลังงานขึ้นมาจากแหล่งที่สะอาดมากขึ้น และจะต้องดำเนินการอย่างรวดเร็วด้วย "ระบบไฟฟ้าในศตวรรษที่ 21 นี้จะมาพร้อมเทคโนโลยีพลังงานขั้นสูงซึ่งจีอีจะเป็นผู้ดูแลหลัก และเทคโนโลยีสารสนเทศยุคใหม่ที่กูเกิลจะเป็นผู้รับผิดชอบ" สองปีที่ผ่านมา กูเกิลประกาศพันธกิจเรื่องพลังงานสีเขียวออกมาอย่างต่อเนื่อง ทั้งการลงทุนเพื่อพัฒนาพลังงานทดแทนจากแสงอาทิตย์และลม มุ่งมั่นพัฒนาช่องทางการใช้พลังงานที่มีราคาต่ำกว่าและสร้างมลพิษน้อยกว่าพลังงานจากถ่านหิน กูเกิลบอกด้วยว่า คุณประโยชน์ของพลังงานสีเขียวจะไม่สามารถเกิดขึ้นได้จริงเลยหากสหรัฐฯยังไม่อัปเดทระบบจ่ายไฟให้เป็นระบบ "smart grid" ซึ่งผู้ใช้จะสามารถติดตามและควบคุมว่า ต้องการใช้พลังงานชนิดใดเมื่อไหร่ แน่นอนว่า ทั้งสองบริษัทจะล็อบบี้ให้นักการเมืองสหรัฐฯสนับสนุนแนวคิด smart grid นี้ Chrome สัปดาห์เดียวยอดโหลดเกือบ 2 ล้านในสหรัฐ บริษัทวิจัย Nielsen Online ประกาศแล้วว่ายอดผู้ดาวน์โหลดเบราว์เซอร์น้องใหม่จากกูเกิล (Google Chrome) ในสหรัฐฯมีจำนวนเกือบ 2 ล้านรายในสัปดาห์แรกของการเปิดให้ดาวน์โหลดเวอร์ชันทดลอง Nielsen นั้นคำนวณสถิติจากพฤติกรรมการใช้งานอินเทอร์เน็ตของชาวสหรัฐฯ ระบุว่าสถิติตั้งแต่วันที่ 1 กันยายนถึง 7 กันยายนที่ผ่านมา มีผู้ใช้กว่า 1.93 คนที่ได้ชมหน้าเพจ "Thank You" ซึ่งกูเกิลแสดงให้กับผู้ใช้หลังการดาวน์โหลดเสร็จสิ้น Nielsen บอกว่าตัวเลขนี้คิดเป็นสัดส่วน 1.4 เปอร์เซ็นต์ของผู้ใช้งานอินเทอร์เน็ตในสหรัฐฯ ถือเป็นตัวเลขไม่มากแต่น่าจับตามอง ขณะเดียวกัน ซีอีโอกูเกิล Eric Schmidt ออกมาประกาศแล้วว่าจะดำเนินการตามแผนเป็นพันธมิตรธุรกิจโฆษณาออนไลน์กับยาฮู โดยเชื่อว่าไมโครซอฟท์ เบอร์สามในตลาด จะไม่เรียกร้องให้ศาลสั่งระงับการเป็นพันธมิตรครั้งนี้

ข่าวจาก : ผู้จัดการออนไลน์ วันที่ : 18 กันยายน 2551 เวลา 20:23 น.